ศูนย์ผิวพรรณและศัลยกรรมความงาม โรงพยาบาลนนทเวช เน้นการสร้างเสริมสุขภาพที่ดีของผิวหนัง ด้วยการให้บริการป้องกันและรักษาโรคผิวหนังตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า พร้อมกับเสนอวิธีการดูแลผิวพรรณให้มีสุขภาพดีขึ้น
ด้านผิวหนัง
เน้นให้บริการสำหรับโรคผิวหนังในผู้ใหญ่และเด็ก มีแพทย์เฉพาะทางผิวหนังที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์การรักษา มีทีมพยาบาลและเจ้าหน้าที่ที่มีความพร้อม รวมทั้งมีเครื่องมือที่จะช่วยในการวินิจฉัยและรักษาที่ทันสมัย และมีประสิทธิภาพ เราพร้อมให้การรักษาโรคผิวหนังทุกชนิดอย่างครบวงจร ครอบคลุมโรคต่างๆ เหล่านี้
- ผื่นแพ้ทั้งที่เกิดจากการแพ้สารสัมผัส และสาเหตุอื่นๆ
- กลุ่มโรคผิวหนังที่มีการอักเสบแต่ไม่ติดเชื้อ เช่น สะเก็ดเงิน (Psoriasis) โรคอื่นๆ มากมาย
- กลุ่มโรคติดเชื้อ แบคทีเรีย, ไวรัส, รา, ปรสิต และเชื้ออื่นๆ
- กลุ่มโรคผิวหนังทางด้านพันธุกรรม เช่น ด่างขาว (Vitiligo)
- โรคมะเร็งผิวหนังทุกชนิด มีโปรแกรมการตรวจคัดกรองมะเร็งผิวหนัง Program Screening Examination for skin Cancer
- การรักษาปัญหาผมและหนังศรีษะผิดปกติ เช่น ผมร่วง ผมบาง และผื่นที่ศีรษะ และรังแค
- การรักษาโรคเล็บผิดปกติ รวมไปถึงเล็บขบ ซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยยาและเลเซอร์
- การรักษาเกี่ยวกับโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexual transmitted Disease)
ด้านความงามและผิวพรรณ
ช่วยดูแลและรักษาผิวพรรณให้ดูสวย อ่อนวัย โรงพยาบาลนนทเวช นอกจากจะรักษาโรคผิวหนังแล้ว ยังมีการรักษาและเสริมความงามของผิวหนัง (Aesthetic dermatology)
- การฉีดโบทูลินั่มท๊อกซิน (BotulinumToxin) เพื่อลดขนาดกล้ามเนื้อมัดเล็กบริเวณใบหน้าให้เล็กลง และริ้วรอยบริเวณใบหน้าให้คลายตัวลง พร้อมทั้งช่วยยกกระชับ ทำให้หน้าได้รูปและมีผิวเรียบเนียน โดยไม่ทำลายกล้ามเนื้อและรับความรู้สึกต่างๆ ได้เป็นปกติ
- การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) เพื่อเติมเต็ม เสริม ส่วนต่างๆ บนใบหน้าให้ดูอ่อนวัยได้สัดส่วน ช่วยลดริ้วรอย และยกกระชับลดความหย่อนคล้อยให้กลับมาเต่งตึง กระชับขึ้น
- มีการใช้เครื่องมืออันทันสมัยและมีประสิทธิภาพ โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการรักษาโรคต่างๆ เหล่านี้
- ความผิดปกติของเม็ดสี เช่น ปานดำ, กระชนิดต่างๆ ทั้งลึกและตื้นไปจนถึงรอยสัก
- ความผิดปกติของเส้นเลือด เช่น ปานแดง, เส้นเลือดที่ขยาย, เส้นเลือดขอด, ไปจนถึงแผลเป็นจากการผ่าตัด อุบัติเหตุและแผลเป็นคีลอยด์
- การรักษาด้วยเครื่องกระชับรูขุมขน และทำให้ผิวกระจ่างใส
- การรักษาด้วยเครื่องยกกระชับผิวหน้า
- การกำจัดขนด้วยเลเซอร์
ให้บริการรักษาผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสภาพผิวและความงาม โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านผิวหนังและเลเซอร์
• HIFU Therapy
• Q switch Nd-YAG
• Green Peel Plus
• BOTOX
• FILLER
โปรแกรมยกกระชับ ปรับรูปหน้า ด้วยนวัตกรรม HIFU
ยกกระชับผิวระดับลึก (HIFU) เป็นการนำเทคโนโลยีล่าสุด (High – Intensity Focused Ultrasound) มาช่วยในการยกกระชับผิวในชั้นลึก ใช้พลังงานคลื่นเสียงความถี่สูง
- ยกกระชับผิวหนังส่วนเกินบริเวณหนังตาบนทำให้ดวงตาดูกลมโตขึ้น
- กระชับและลบริ้วรอยรอบดวงตา
- ยกกระชับแก้มที่หย่อนคล้อยและปัญหาร่องแก้ว
- ยกกระชับผิวหนังที่หย่อนคล้อยบริเวณใต้คาง
- ปรับรูปหน้าให้เรียวงามเป็น V Shape
- ยกกระชับผิวหนังบริเวณลำคอ
- ยกคิ้ว, ยกมุมปาก
-
ผลลัพธ์ที่ได้หลังการรักษา
-
ทำให้เกิดการกระตุ้นและตึงตัวของชั้นผังผืด ลงลึกถึงชั้นผิวหนังบริเวณผังผืดที่รองรับเนื้อเยื่อของผิวหนัง
ทำให้ผิวกระชับตึงขึ้น
มีการสร้างใยคอลลาเจนเพิ่มขึ้น
ทำให้ผิวเติมเต็ม และแต่งตึงยาวนาน ประมาณ 1-2 ปี -
วิธีการรักษา
- ก่อนทำ ต้องมีการแปะยาชาประมาณ 1 ชั่วโมง
- อาการหลังทำ ผิวบริเวณที่ทำจะมีอาการแดง ไม่เกิน 24 ชั่วโมงสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ
Q & A : HiFU Therapy
Q : ความแก่ชราของผิว หรือ ความหย่อนคล้อยของผิวเกิดตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
A : ความแก่ชราของผิวเกิดได้จาก 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ ริ้วรอย และความหย่อนคล้อย ปัจจุบันไม่ใช่แค่ปัญหาริ้วรอยเพียงอย่างเดียว แต่ผิวหย่อนคล้อยก็เป็นปัญหาที่หลายคนให้ความสำคัญ เริ่มเกิดขึ้นในช่วงอายุประมาณ 40 ปี บางคนก็เกิดเร็วกว่านั้น
Q : สาเหตุของปัญหาความหย่อนคล้อยเกิดจากอะไร ?
A : อายุที่มากขึ้นคอลลาเจนจะเสื่อมสลายไป โครงสร้างผิวหนังเกิดการหย่อนยานทำให้เกิดการหย่อนคล้อยเปรียบเทียบเหมือนหนังสติ๊กที่ถูกดึงนานๆ แล้วหดกลับยากหรือไม่หดเลย สาเหตุเกิดจาก 2 ปัจจัย คือ
• ปัจจัยที่เปลี่ยนไม่ได้ คือ อายุ กรรมพันธุ์
• ปัจจัยที่เปลี่ยนได้ คือ การดูแลถนอมผิวพรรณ อาหารที่รับประทานเน้นที่มีองค์ประกอบของสารต้านอนุมูลอิสระ กลุ่มผักใบเขียว ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ ไม่ควรทานหวานจัดเพราะจะทำให้แก่เร็วและ เกิดสิวได้ง่าย หลีกเลี่ยงไขมันโดยเฉพาะ transfat เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ความเครียด พักผ่อนน้อย สูบบุหรี่ และแสงแดดสำคัญที่สุดเพราะจะทำให้ผิวเสื่อมสภาพก่อนวัย
Q : เราจะรู้ได้ยังไงว่าเรามีความหย่อนคล้อย ?
A : เอาจริงๆ ส่องกระจกเราจะรู้แล้วล่ะว่าหน้าเราไม่เหมือนสมัยหนุ่มสาว ความหย่อนคล้อยที่เห็นชัดที่สุด คือ บริเวณแก้มจะหย่อนลงมาทำให้กรอบหน้าเราไม่ชัด หรือเยอะจนเห็นร่องแก้ม ร่องน้ำหมากชัดขึ้น อีกตำแหน่งที่คนส่วนใหญ่กังวล คือเหนียงเป็นคางสองชั้น วิธีทดสอบให้ลองดึงผิวหนังถ้าเด้งกลับสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว แสดงว่าไม่มีความหย่อนคล้อย แต่ถ้าดึงแล้วผิวใช้เวลาในการกลับสู่สภาพเดิมช้าอันนั้นคือหย่อนคล้อยพอสมควร
Q : การยกกระชับผิว เดิมเข้าใจว่าคือการผ่าตัดยกหน้าใช่หรือไม่ ?
A : พูดถึงการยกกระชับผิว หลายคนอาจจะชินกับคำว่าผ่าตัดยกหน้าหรือ Facelift เป็นวิธีดั้งเดิมที่มีความเจ็บและต้องพักรักษาตัวระยะนึงจะนานเท่าไหร่แล้วแต่ความรุนแรงของการผ่าตัด แต่ปัจจุบันมีนวัตกรรมยกกระชับผิวแบบไม่เจ็บตัว ไร้แผล ที่เรียกว่า Minimally Invasive หรือ HIFU
Q : HIFU คืออะไร ?
A : HIFU คือ เทคโนโลยีการใช้อัลตร้าซาวด์ หรือพลังงานคลื่นเสียงความถี่สูงซึ่งจะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน ที่มีความลึกเฉพาะเจาะจง แม่นยำ และตรงจุดที่ต้องการรักษา โดยลงลึกถึงชั้นเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อชั้นบนหรือชั้น SMAS (Superficial Muscular Aponeurotic System) ซึ่งเป็นชั้นผิวที่เป็นเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อและพังผืดบางๆ รองรับผิวเราทั้งหมดไว้อีกที จะมีผลอย่างมากต่อความกระชับหรือหย่อนคล้อยของผิว เมื่อความร้อนส่งถึงชั้นนี้ จะทำให้กล้ามเนื้อและพังผืดชั้นนี้มีการหดตัว (ซึ่งคือชั้นเดียวกับชั้นที่ผ่าตัดดึงหน้าในทางศัลยกรรม) หลักการจึงคล้ายกับการเย็บเนื้อใต้ผิวหนังผลลัพธ์ที่ได้คือผิวจะค่อยๆ ถูกดึงรั้งขึ้นระหว่างการทำ โดยหลังทำจะสามารถเห็นว่าผิวที่หย่อนคล้อยมีความยกกระชับทันที
Q : ดังนั้นการทำ HIFU จึงเหมาะกับคนที่อายุ 40 ขึ้นไป ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อย ?
A : HIFU ไม่เพียงเหมาะสำหรับคนอายุ 40 ขึ้นไปที่มีความหย่อนคล้อยเท่านั้น แต่ยังเหมาะกับทุกเพศทุกวัยที่ต้องการยกกระชับปรับรูปหน้าจาก O-shaped เป็น V-shaped หรือยกคิ้วที่เริ่มตกให้สวยได้ แต่ยังไงก็ตามถ้าคนไข้อายุน้อยกว่า 18 ต้องมีผู้ปกครองเซ็นชื่อยินยอมในการทำด้วย
Q : ผิวหนังบริเวณใดที่สามารถรับการรักษาได้บ้าง ?
A : บริเวณใบหน้าและลำคอ ทำให้หน้าเข้ารูปเห็นกรอบหน้าชัดเจนขึ้น บริเวณเหนียงจะทำให้ความหย่อนคล้อยใต้คางลดลง นอกจากนี้ HIFU ยังมีหัวพิเศษเพื่อการยกกระชับบริเวณรอบดวงตา สามารถยกคิ้วในคนที่คิ้วตกน้อยๆ ได้
Q : ทราบว่า RF ก็สามารถยกกระชับใบหน้าได้ RF คืออะไร ต่างจาก HIFU อย่างไร ?
A : RF เป็นเทคโนโลยียกกระชับด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูงชนิดที่ได้ผลดี คือ ชนิดขั้วเดียวหรือ Monopolar RF เช่น Thermage จะมีการไหลผ่านของพลังงานจากเครื่องมือลงไปที่ plate หรือ groud ที่จะแปะด้านหลังคนไข้ทำให้ความร้อนลงได้กว้างและลึกยิ่งลึกยิ่งได้ผลดี แต่ด้วยความที่ลงลึกจะมีความเจ็บจึงต้องใช้ยาชา (Painscore หลังทายาชา 1 ชม. PS 5-6 เต็ม 10 อยู่ได้ประมาณ 1 ปี) แต่ HIFU เป็นการส่งผ่านพลังงานเฉพาะบริเวณที่ต้องการ ความเจ็บจะน้อยกว่า นอกจากนี้ Thermage ไม่ได้ส่งพลังงานเป็นเฉพาะบางระดับๆเหมือน HIFU แต่ Thermage จะส่งพลังงานไปที่ชั้นไขมันใต้ผิวด้วยทำให้ไขมันสลายได้บ้าง จึงอาจเหมาะกับคนที่หน้าอูม ไขมันเยอะ คือทั้งลดไขมันและยกกระชับ แต่ในคนที่หน้าไม่ได้อูมไขมัน แค่หย่อนคล้อย หรือแค่อยากปรับรูปหน้าเป็น V-shaped จะไม่เหมาะกับ Thermage เพราะอาจจะทำให้หน้าดูตอบ คือใบหน้าที่ดูเด็กควรจะมี baby fat ให้ดูอ่อนเยาว์ ถ้า baby fat หายไปหน้าจะดูมีอายุขึ้น
Q : ข้อดีของการทำ HIFU ?
A : HIFU เหมาะกับผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าโดยไม่ต้องพึ่งผ่าตัด ไม่ใช้เข็ม ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้นผู้ที่ทำ HIFU จะรู้สึกอุ่นๆ บนผิวขณะทำ ผิวจะไม่รู้สึกเจ็บ ไม่แสบร้อน ไม่ต้องทาหรือฉีดยาชาก่อนทำสามารถรับการรักษาได้ทันที อีกทั้งราคายังไม่แพงมาก สามารถทำได้บ่อยครั้ง
Q : หลังการทำ HIFU ต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ถึงจะเห็นผลลัพท์ที่ได้ที่ชัดเจน ?
A : สามารถเห็นผิวที่หย่อนคล้อยมีความยกกระชับทันที และคงสภาพได้ประมาณ 4-6 เดือน ส่วนริ้วรอยความเรียบเนียน การที่ให้ความร้อนไปกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้ต้องใช้เวลา ดังนั้น ริ้วรอยบางๆ ที่เริ่มเนียนขึ้นจะเห็นผลตั้งแต่ 2-3 เดือนขึ้นไป แล้วจะคงสภาพอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน หากต้องการคงความสาวต่อไปเรื่อยๆ ควรทำ HIFU 2-3 ครั้ง/ ปี หรือทุกๆ 3-6 เดือน
Q : เราควรกระตุ้น HIFU ทุกๆ 3-6 เดือน แล้วผลการรักษาที่ดีขึ้นอยู่กับอะไรบ้าง ?
A : อายุ สภาพผิว และความหย่อนคล้อยว่ามีมากน้อยแค่ไหน ถ้าผิวหย่อนคล้อยมากอาจต้องเพิ่มความถี่ในการทำแน่นอนว่าถ้าเราเริ่มรักษาตั้งแต่เซลล์เพิ่งเริ่มเสื่อมสภาพหรือเริ่มมีความหย่อนคล้อยในระยะเริ่มแรก ย่อมดีกว่าปล่อยให้เซลล์เสื่อมสภาพเยอะหรือความหย่อนคล้อยเกิดขึ้นเยอะแล้ว โอกาสที่เซลล์จะฟื้นฟูก็ยากกว่า ดังนั้น ถ้าเราเริ่มดูแลผิวตั้งแต่ยังอายุน้อย นั่นก็อาจทำให้หน้าเราคงความสาวได้ดีกว่าคนที่เริ่มดูแลผิวช้า
Q : การทำ HIFU มีผลข้างเคียงอะไรหรือไม่ ?
A : ขณะทำจะรู้สึกอุ่นๆ ที่ผิว ไม่ค่อยเจ็บ แต่ถ้าเคยมีการอุดฟันจะรู้สึกเสียวบริเวณแถวกรามเล็กน้อย หลังทำอาจเกิดรอยแดงหรือบวมเล็กน้อยประมาณ 2-3 ชั่วโมง และอาจรู้สึกตึง เจ็บเล็กน้อยบริเวณกระดูกกรามเวลาสัมผัส ประมาณ 1-2 สัปดาห์ แต่อาการเหล่านี้จะมีเพียงเล็กน้อยและชั่วคราว
Q : ก่อนการทำ HIFU ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ?
A : พักผ่อนให้เพียงพอ งดสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ไม่ควรถูกแสงแดดจัดอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เนื่องจากจะช่วยเอื้อต่อการสร้างคอลลาเจนให้กับเซลล์ใหม่เป็นไปได้ด้วยดี ก่อนการรักษาจะต้องทำความสะอาดเครื่องสำอางค์บริเวณที่จะทำการรักษาก่อน เพื่อความสะอาดและรับการรักษาได้ทันที แต่ถ้าใครกลัวเจ็บมากๆ สามารถแปะยาชาได้ ใช้เวลาการทำประมาณ 30 – 60 นาที
Q : หลังจากทำ HIFU ต้องดูแลตัวเองอย่างไร ?
A : หลังทําสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติทันที เพื่อบำรุงผิวที่เกิดขึ้นใหม่ให้คงอยู่ได้อย่างยาวนาน ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ หลีกเลี่ยงแสงแดด ไม่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นการทำลายการสร้างคอลลาเจนที่ชั้นใต้ผิวหนัง หากมีอาการตึงผิวก็สามารถรับประทานยาแก้ปวดพาราเซตามอลได้ หลีกเลี่ยงยาแก้ปวดกลุ่มที่ลดการอักเสบ เช่น ponstan brufen cerebrex arcoxia เพราะอาจไปยับยั้งกระบวนการสร้างคอลลาเจน ลดผลลัพธ์ที่ดีของ HIFU
A : สามารถทำในส่วนอื่นของร่างกายได้ ขั้นตอนการทำเหมือนกันแต่จะใช้หัวที่ใช้สำหรับลำตัวที่ส่งพลังงานไปที่ระดับลึกกว่า (หัว 13 mm) และใช้พลังงานที่สูงกว่า (1.5-2 J) จะช่วยยกกระชับความหย่อนคล้อยซึ่งเห็นผลทันที และความลึกของหัวที่ใช้จะส่งถึงระดับชั้นไขมันด้วย จึงสามารถที่จะสลายไขมันบริเวณลำตัวได้ เช่น บริเวณหน้าท้อง สะโพก ต้นแขนต้นขา และรอยย่นบริเวณหน้าอก ขณะทำจะรู้สึกเพียงอุ่นๆ ใต้ชั้นผิว ไม่เจ็บ เซลล์ไขมัน ถูกทำลาย และขับออกผ่านระบบการไหลเวียนของร่างกายตามธรรมชาติพร้อมๆ กับกระชับผิวด้วย หลังการทำจะค่อยๆ เห็นผลลัพธ์อย่างต่อเนื่องใน 2-3 เดือน
Q : อะไรคือสิ่งสำคัญในการตัดสินใจทำ HIFU เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ?
A : การทำ HIFU เป็นวิธีที่ได้การยอมรับว่ามีความปลอดภัยสูง แต่ถึงอย่างไรก็ตามควรต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนัง เพื่อให้ได้ความรู้ความเข้าใจอย่างถูกต้อง นอกจากนี้ HIFU มาตรฐาน ก็อาจแตกต่างกัน ดังนั้นมาตรฐานของเครื่อง และมาตรฐานของสถานที่ที่ให้บริการ ก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์อย่างน่าพึงพอใจสูงสุด และโอกาสเกิดอาการไม่พึงประสงค์น้อยที่สุด
ขอบคุณข้อมูล : พญ.กมลวรรณ พงศ์ปริตร
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณและความงาม
โรงพยาบาลนนทเวช
ผลักวิตามินบำรุงลึกถึงระดับเซลล์ผิว (Dermashock) ประกอบด้วย
- Toner ขจัดสิ่งตกค้างบนใบหน้าเพื่อเตรียมพร้อมในการบำรุงผิวหน้าในขั้นตอนไป
- Liposome เพิ่มความยืดหยุ่น เก็บกักความชุ่มชื้น นำพาวิตามินเข้าสู่ผิวอย่างล้ำลึก พร้อมคงความกระชับให้ผิวหน้า
- Vitamin C ต่อต้านเม็ดสี ลดการสร้างเมลานินและต่อต้านอนุมูลอิสระ
- Transamine ปรับสภาพผิวให้ขาว กระจ่างใส ช่วยลดการเกิดฝ้า และกระ
- Hyasal เพิ่มความกระชับ เติมเต็มผิวให้แลดูเต่งตึงขึ้นทันทีไม่หย่อนคล้อย
- Glutathione เพิ่มความขาวกระจ่างใสให้ผิวหน้า
ด้านศัลยกรรมความงาม
ด้วยวิทยาการด้านการแพทย์ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคและศิลปะเพื่อความงาม และเข้าใจความต้องการของผู้ป่วย ทําให้ศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลนนทเวช เป็นมาตรฐานของการทําศัลยกรรมเพื่อความงาม ทั้งในสุภาพบุรุษ และสุภาพสตรีด้วยโปรแกรมศัลยกรรมความงาม อาทิ
ศัลยกรรมตกแต่ง
- ศัลยกรรมตกแต่งทรวงอก
- การผ่าตัดเพิ่มขนาดทรวงอก
- การผ่าตัดปรับระดับทรวงอก
- การผ่าตัดลดขนาดทรวงอกสําหรับสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ
- ศัลยกรรมเสริมสร้างหลังการรักษามะเร็งเต้านม
- การผ่าตัดใบหู
- การผ่าตัดตกแต่งเปลือกตา
- การผ่าตัดดึงหน้าและคอ
- การผ่าตัดดึงหน้าบริเวณหน้าผาก
- การผ่าตัดดูดไขมัน
- การผ่าตัดตกแต่งเสริมจมูก
- การผ่าตัดลดขนาดหน้าท้อง
|
แพคเกจและโปรแกรมตรวจ ศูนย์ผิวพรรณและศัลยกรรมความงาม