เสี่ยงแค่ไหน? เมื่อท้องในวัย 35+

เสี่ยงแค่ไหน? เมื่อท้องในวัย 35+

     ด้วยไลฟ์สไตรของผู้หญิงยุคใหม่ ทำให้ส่วนใหญ่แต่งงานช้าลงพร้อมตั้งครรภ์เมื่อเข้าสู่วัย 35 อัพ ซึ่งการตั้งครรภ์ตอนอายุมาก นับว่าเพิ่มโอกาศเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ได้ นพ.วิศิษฐ์ ค้อสุวรรณดี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ จะมาไขข้อข้องใจกับปัญหาต่างๆที่สร้างความกังวลใจให้คุณแม่ตั้งครรภ์

อายุมีผลต่อการตั้งครรภ์อย่างไร?

     ยังไม่มีกฎเกณฑ์ที่แน่ชัดว่าผู้หญิงควรตั้งครรภ์เมื่ออายุเท่าไรแต่ในช่วงอายุ 20-30 ปี ร่างกายจะมีความสมบูรณ์เต็มที่และพร้อมสำหรับการตั้งครรภ์และผู้หญิงมีอายุมากขึ้นโดยเฉพาะในวัย 35 ปีขึ้นไป การทำงานของรังไขลดลงส่งผลต่อความแข็งแรงของทารกในครรภ์ และเพิ่มความเสี่ยงเกิดปัญหาต่างๆเหล่านี้

  • - มีบุตรยาก เนื่องจากการตกไข่ลดลงหรือไข่ไม่สมบูรณ์
  • - ภาวะแท้งโดยไม่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์ เพราะเข้าใจว่าประจำเดือนมาช้ากว่ากำหนด หรือแท้งบุตรง่ายจากสาเหตุบางอย่าง เช่น ไข่ไม่สมบูรณ์ ฮอร์โมนจากรังไข่ไม่เพียงพอต่อการตั้งครรภ์ในระยะแรกโดยพบว่าอายุ 25 ปี มีความเสี่ยงแท้งบุตรร้อยละ 12-15 และหากอายุ 40 ปี ยิ่งมีโอกาศเสี่ยงเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25
  • - ทารกในครรภ์มีความผิดปกติ เช่นความผิดปกติทางพันธุกรรมหรือภาวะดาวน์ซินโดรมหรือทารกในครรภ์เติบโตช้า หากทารกคลอดก่อกำหนด มีน้ำหนักน้อยกว่าปกติอาจเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำหายใจเร็วเนื่องจากปอดยังทำงานได้ไม่เต็มที่
  • - คุณแม่ตั้งครรภ์เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ความดันโลหิตสูงหรือหากเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ทารกจะตัวโตมากกว่าปกติทำให้เกิดปัญหาการคลอดยากตามมา "ตรวจสุขภาพ" ลดความเสี่ยงลูกน้อยพิการแต่กำเนิด

     คุณแม่ตั้งครรภ์วัย 35 ปีขึ้นไป ควรให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพ หากพบความเสี่ยงแพทย์จะวางแผนการรักษาได้อย่างทันท่วงที เพราะโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนมีมากกว่าการตั้งครรภ์เมื่ออายุยังน้อย โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติหรือคนในครอบครัวเสี่ยงเกิดโรคเช่น ดาวน์ซินโดรม ครรภ์เป็นพิษ หรือโรคประจำตัวอื่นๆ เช่น โรคหัวใจ โรคไต เบาหวาน ควรพบแพทย์เพื่อวางแผนการตั้งครรภ์ ฝากครรภ์แต่เนิ่นๆ และตรวจสุขภาพระหว่างตั้งครรภ์ โดยมีการตรวจที่สำคัญดังนี้

  • 1. การทำอัลตร้าซาวด์ เพื่อตรวจดูอายุครรภ์และติดตามพัฒนาการทารกในครรภ์ โดยเฉพาะคุณแม่ตั้งครรภ์เกินวัย 35 ปีขึ้นไป จะมุ่งเน้นไปที่การตรวจวิเคราะห์หาสัญญาณการเกิดภาวะแทรกซ้อนและความผิดปกติของทารก
  • 2. การตรวจเลือดคุณแม่ตั้งครรภ์ เพื่อคัดกรองดาวน์ซินโดรม หรือความผิดปกติทางโครโมโซมอื่นๆ ของทารกในครรภ์
  • 3. การเจาะน้ำคร่ำ เพื่อวินิจฉัยทารกในครรภ์ว่าเป็นดาวน์ซินโดรมหรือมีความผิดปกติทางโครโมโซมอื่นๆ หรือไม่
ครรภ์คุณภาพในวัย 35+ คุณสร้างได้

การดูแลสุขภาพคุณเริ่มได้ตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ จนถึงช่วงสุดท้ายเจ้าตัวน้อยลืมตาดูโลก

  • 1. รับประทานโฟลิกให้เพียงพอ เพราะกรดโฟลิกช่วยให้สมองและกระดูกสันหลังของลูกเติบโตดี พบมากในผักใบเขียว ข้าวซ้อมมือ กล้อย นม ไข่ เป็นต้น
  • 2. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
  • 3. พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับให้เต็มอิ่มประมาณ 8-10 ชั่วโมง/วัน
  • 4. งดเครื่องดื่มแอลกฮอล์ และการสูบบุหรี่
  • 5. ออกกำลังกายแบบเบาๆ หรือปรึกษาแพทย์ถึงวิธีการออกกำลังกายอย่างปลอดภัย
  • 6. ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง เพราะยาหลายชนิกสามารถส่งผ่านจากแม่
  • และมีผลต่อทารกในครรภ์อาจเกิดการแท้งบุตรได้
  • 7. ควบคุมน้ำหนัก เพราะหากมีน้ำหนักมากเกินไปอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอย่างเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือครรภ์เป็นพิษได้v
  • 8. ทำจิตใจให้แจ่มใส เพราะอารมณ์ของคุณแม่มีผลต่อการตั้งครรภ์
  • 9. พบแพทย์ตรวจครรภ์ตามนัดทุกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงและทราบความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นเพื่อวางแผนการรักษาได้อย่างทันท่วงที

ขอขอบคุณข้อมูล

นพ.วิศิษฐ์ ค้อสุวรรณดี
สาขาและความเชี่ยวชาญ
สูติ-นรีเวช / เวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์
การศึกษา
แพทยศาสตร์บัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
วุฒิบัตร
วุฒิบัตรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา
อนุมัติบัตรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาเวชศาสตร์มารดา และทารกในครรภ์