ภาวะโลหิตจางระหว่างตั้งครรภ์ หมายถึง สตรีตั้งครรภ์มีความเข้มข้นของเลือดต่ำกว่าเกณฑ์ปกติเป็นความผิดปกติทางระบบเลือดที่พบได้บ่อยที่สุดในระหว่างตั้งครรภ์
โลหิตจางในสตรีตั้งครรภ์เกิดได้อย่างไร ?
• สูญเสียเลือดเรื้อรังตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์จากการเป็นประจำเดือน
• ขาดกรดโฟลิก
• โลหิตจางเนื่องจากมีกรรมพันธุ์ของโรคธาลัสซีเมีย ซึ่งพบมากในคนไทย
• สาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้โลหิตจางเรื้อรังได้ เช่น โรคไต โรคเอสแอลอี (SLE)
ผลกระทบจากภาวะโลหิตจางระหว่างตั้งครรภ์ต่อคุณแม่
• อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
• เสี่ยงต่อการแท้ง และคลอดก่อนกำหนด
• เมื่อมีการเสียเลือดจากการคลอด จะทำให้ฟื้นตัวได้ช้าหลังคลอด เกิดภาวะช็อคได้ง่าย
• ติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติ
ผลกระทบจากภาวะโลหิตจางระหว่างตั้งครรภ์ต่อลูกน้อย
ส่งผลต่อการเจริญเติบโต
และการพัฒนาของทารกในครรภ์
ทำให้ทารกเติบโตช้า คลอดก่อนกำหนด
รวมถึงทำให้ทารกมีน้ำหนักแรกคลอดน้อยกว่าปกติได้
โลหิตจาง และการขาดธาตุเหล็กสำคัญกว่าที่คิด
ธาตุเหล็กมีความสำคัญมากโดยเฉพาะในสตรีตั้งครรภ์ เนื่องจากธาตุเหล็กทำหน้าที่ช่วยส่งผ่านอ็อกซิเจนจากคุณแม่ไปสู่ทารกในครรภ์ผ่านทางรกซึ่งออกซิเจนกว่า 60% ที่ส่งไปนั้น จะไปเลี้ยงสมองของทารกในครรภ์นั่นเอง ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าธาตุเหล็กมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อพัฒนาการสมองของทารกในครรภ์
สมองของทารกในครรภ์มีการพัฒนาอย่างชัดเจนในไตรมาสที่ 2 และ 3 โดยเริ่มมีการสร้างรอยหยักในสมองตั้งแต่ช่วงอายุครรภ์ 24 สัปดาห์ เมื่ออายุครรภ์28 สัปดาห์ สมองจะพัฒนาส่วนที่ เกี่ยวข้องกับความจำและการเรียนรู้อย่างรวดเร็วและเมื่ออายุครรภ์32 สัปดาห์ สมองทารกจะมีการสร้างโครงข่ายเส้นประสาท ซึ่งทั้งหมดนี้จะพัฒนายาวนานไปจนถึงอายุ 2 ปีหลังคลอด
รอให้โลหิตจางแล้วจึงค่อยกินยาธาตุเหล็กเพื่อบำรุง...ก็สายไป
เนื่องจากธาตุเหล็กของสตรีตั้งครรภ์จะถูกนำไปใช้ในการสร้างเม็ดเลือดแดงเป็นอันดับแรกก่อนดังนั้นถ้าตรวจพบว่าโลหิตจางในขณะตั้งครรภ์ย่อมแปลว่า ธาตุเหล็กที่จะทำหน้าที่นำพาออกซิเจนไปเสี้ยงสมองของทารกในครรภ์ไม่เพียงพอเสียแล้ว
อยากให้ลูกน้อยเฉลียวฉลาดทั้ง IQ และ EQ ต้องเตรียมพร้อมตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์
การขาดธาตุเหล็กในสตรีตั้งครรภ์มีผลต่อความสามารถของสมองเด็กในการจดจำ และเรียนรู้สิ่งต่างๆตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยเรียน มีรายงานว่าคุณแม่ที่ขาดธาตุเหล็กตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ จะมีโอกาสทำให้เด็กที่คลอดออกมาเป็นออทิสติกสูงขึ้น และหากขาดธาตุเหล็กในช่วงไตรมาสที่ 2 ของการตั้งครรภ์ก็จะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคจิตเภทในบุตรถึง 30% นอกจากนี้ ยังเกี่ยวพันถึงปัญหาทางอารมณ์เมื่อเด็กเติบโตขึ้น เช่นภาวะซึมเศร้า และวิตกกังวลอีกด้วย
จะทราบได้อย่างไรว่า มีภาวะโลหิตจางหรือขาดธาตุเหล็กหรือไม่
สามารถตรวจได้โดยการเจาะตรวจเลือด ซึ่งสามารถวินิจฉัยภาวะโลหิตจาง
การขาดธาตุเหล็กรวมถึงโรคธาลัสซีเมียได้ เมื่อทราบการวินิจฉัยก็จะสามารถวางแผนการดูแลรักษา
หรือใช้ยาธาตุเหล็กเสริมได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากตรวจตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ก็จะช่วยในการวางแผนมีบุตร
หรือตรวจในระหว่างตั้งครรภ์ก็จะช่วยในการดูแลคุณแม่และทารกในครรภ์ได้เป็นอย่างดีนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูล พญ.พัชราภรณ์ วงศาโรจน์
สูตินรีแพทย์ เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์