เมื่อลูกเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย...ทำอย่างไรดี
อย่าปล่อยให้ลูกเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย ปัจจุบันพบว่ามีเด็กจำนวนมากที่กำลังประสบกับภาวะที่เรียกกันว่า “เป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย” นั่นคือ เกิดความเปลี่ยนแปลงทางสรีระก่อนเวลาอันควร การที่เด็กมีการเจริญเติบโตที่เร็วกว่าปกติอาจส่งผลกระทบต่อเด็กหลายด้าน เช่น ผลกระทบด้านร่างกาย ได้แก่ ความไม่พร้อมในการดูแลตัวเองเมื่อมีประจำเดือนเร็วกว่าวัย ผลกระทบต่อความสูงในอนาคตของเด็ก เนื่องจากฮอร์โมนเพศที่เพิ่มขึ้นในช่วงวัยรุ่นจะส่งผลให้กระดูกระหว่างข้อต่อปิดเร็วขึ้นทำให้เด็กหยุดสูง รวมถึงผลกระทบด้านจิตใจและการปรับตัวในสังคม ดังนั้นการรู้เท่าทันปัญหาจะช่วยให้ผู้ปกครองสามารถสังเกตเห็นความผิดปกติของบุตรหลานและแก้ไขความผิดปกตินั้นได้ทันท่วงที
จะทราบได้อย่างไรว่าลูกเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย
โดยทั่วไปแล้วเด็กผู้หญิงจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์และเริ่มมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของร่างกายเมื่ออายุ 8 ปีขึ้นไป ขณะที่เด็กผู้ชายจะเริ่มเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ช้ากว่าเล็กน้อย คือเริ่มตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป
เด็กผู้หญิง- มีเต้านม บางกรณีอาจพบเต้านมเจริญขึ้นเพียงข้างเดียว |
เด็กผู้ชาย- มีการขยายตัวของลูกอัณฑะและองคชาติ |
สาเหตุของการเป็นหนุ่มสาวก่อนวัย
1.สาเหตุจากภายนอก
ในวัยเด็กผู้ป่วยอาจได้รับฮอร์โมนเพศปะปนโดยไม่ตั้งใจ เช่น การกินวิตามินบางชนิดเพื่อจุดประสงค์ที่ทำให้โตเร็ว โดยที่จริงอาจมีฮอร์โมนเพศเป็นส่วนผสมอยู่ จึงทำให้เด็กดูอ้วนขึ้นโตกว่าเพื่อนวัยเดียวกัน
2.สาเหตุจากภายใน
เกิดจากการทำงานของสมองส่วนไฮโพทาลามัสและบริเวณต่อมใต้สมองทำงานผิดปกติ ทำให้มีการหลั่งฮอร์โมนเพศเร็วกว่าวัยอันควร อาจจะพบในเด็กที่ได้รับการกระทบกระเทือนบริเวณสมอง เช่น อุบัติเหตุ เคยได้รับการฉายแสงหรือมีก้อนเนื้องอกในสมอง ความผิดปกติในการทำงานของรังไข่หรืออัณฑะ หรืออาจจะไม่ทราบสาเหตุได้
3.ไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน
ปัจจุบันเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายมีแนวโน้มเข้าสู่วัยหนุ่มสาวเร็วขึ้นกว่าเมื่อในอดีต อาจสัมพันธ์กับภาวะโภชนาการ ชนิดของอาหารที่มีไขมันสูง และพบว่าเด็กอ้วนมีแนวโน้มเข้าสู่วัยหนุ่มสาวเร็วกว่าเด็กผอม
การวินิจฉัย
ในการวินิจฉัยว่าเด็กมีอาการเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัยหรือไม่นั้นนอกเหนือจากการตรวจร่างกายแล้ว แพทย์จะทำการวินิจฉัยตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
1.เอกซ์เรย์เพื่อตรวจอายุของกระดูก
เนื่องจากการเป็นหนุ่มสาวก่อนวัยมีผลทำให้กระดูกมีอายุมากกว่าอายุจริง โดยแพทย์จะใช้ข้อมูลส่วนนี้ในการตัดสินใจว่าควรจะให้ยาฉีดควบคุมฮอร์โมนเพศหรือไม่
2.ตรวจเลือดวัดฮอร์โมน
การเติบโตก่อนวัยอันควรจะทำให้ฮอร์โมนเพศในร่างกายมีระดับสูงกว่าปกติ การตรวจนี้เป็นการยืนยันว่าร่างกายเด็กเกิดความเปลี่ยนแปลงจริง ๆ
3.ตรวจ MRI สมองและทำอัลตร้าซาวด์
บริเวณมดลูกสำหรับเด็กหญิงเพื่อยืนยันว่าอาการที่เกิดขึ้นไม่ได้มาจากเนื้องอกในสมองหรือความผิดปกติที่รังไข่หรือมดลูก ซึ่งหากขั้นตอนนี้ไม่พบอะไรแพทย์จะทำการรักษาด้วยยาฉีดควบคุมฮอร์โมนเพศ โดยจะฉีดหนึ่งเข็มทุก ๆ สี่สัปดาห์ จนกว่าอายุจริงจะเท่ากับอายุกระดูกหรือจนกว่าเด็กหญิงจะมีอายุพร้อมที่จะเข้าสู่วัยรุ่นคืออายุประมาณ 10-11 ปี
เมื่อลูกเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัยจะทำอย่างไร
เมื่อพบว่าลูกกำลังเผชิญกับภาวะเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย สิ่งที่พ่อแม่ควรทำ คือให้ความรู้กับลูกว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นโดยอธิบายตามความเป็นจริง ไม่ควรโกหกลูก และถ้ามีความจำเป็นที่จะต้องรักษาก็อธิบายให้ลูกฟังว่าผลเสียของการไม่รักษามีอะไรบ้าง นอกจากนี้ การให้ความรู้เรื่องเพศแก่ลูกตามความเหมาะสมของวัยจะทำให้เด็กรับรู้สภาพของตัวเอง และไม่ตกใจกับความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย สำหรับการลดความเสี่ยงต่อการเป็นหนุ่มสาวก่อนวัยที่ง่ายที่สุด ก็คือการควบคุมน้ำหนักของเด็กให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน โดยเน้นโภชนาการที่เหมาะสม และให้ความสำคัญกับการออกกำลังกาย ผิดปกติที่รังไข่หรือมดลูก ซึ่งหากขั้นตอนนี้ไม่พบอะไรแพทย์จะทำการรักษาด้วยยาฉีดควบคุมฮอร์โมนเพศ โดยจะฉีดหนึ่งเข็มทุก ๆ สี่สัปดาห์ จนกว่าอายุจริงจะเท่ากับอายุกระดูกหรือจนกว่าเด็กหญิงจะมีอายุพร้อมที่จะเข้าสู่วัยรุ่นคืออายุประมาณ 10-11 ปี