วินิจฉัยครบวงจรเพื่อตรวจและป้องกันโรคทางนรีเวช
- ตรวจสุขภาพทางนรีเวช เพื่อตรวจคัดกรองโรคมะเร็งของระบบอวัยวะสืบพันธุ์สตรี
- ตรวจความผิดปกติของปากมดลูก ด้วยการส่องกล้อง Colposcope และตรวจรักษาด้วยเครื่องอัลตราซาวนด์ 4 มิติ
- ตรวจมะเร็งเต้านม ด้วยเครื่องดิจิตอลแบบเมมโมแกรมและอัลตราซาวนด์
- ตรวจอัลตราซาวนด์ทางสูตินรีเวช เพื่อวินิจฉัยโรคและความผิดปกติอวัยวะภายในสตรี
- ตรวจหาความหนาแน่นของมวลกระดูก
รักษาโรคทางนรีเวช
โรงพยาบาลนนทเวช มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านนรีเวชให้การรักษาครอบคลุมทุกโรคของสตรี เช่น
- ภาวะผิดปกติของการมีประจำเดือน ปวดประจำเดือน มีตกขาว และภาวะความผิดปกติของระบบขับถ่ายปัสสาวะ ของสุภาพสตรี ( กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ,ปัสสาวะเล็ด )
- โรคมะเร็งในสตรีทุกชนิด เช่น มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ และมะเร็งเต้านม พร้อมให้บริการรักษาอย่างครบวงจร และดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนการรักษาเฉพาะบุคคลโดยบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
- ให้การรักษาผู้ที่มีปัญหาทางนรีเวช ด้วยการผ่าตัดและผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช
- การรักษาอาการปวดท้องน้อย ปวดประจำเดือน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณเตือนของอาการป่วยของโรคทางนรีเวชได้แก่ โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่, ช็อกโกแลตซีสต์, เยื่อบุโพรงมดลูกแทรกกล้ามเนื้อมดลูก, เนื้องอกกล้ามเนื้อมดลูก, พังผืดในอุ้งเชิงกราน เป็นต้น อาการปวดจะแตกต่างกันไปจากสาเหตุที่แตกต่างกัน เช่น
- ปวดระดู มากขึ้นเรื่อย ๆ
- ปวดระดู มากจนต้องกินยาแก้ปวดเป็นประจำ
- ปวดระดู มากจนต้องเพิ่มขนาดยาแก้ปวดมากขึ้น
- ต้องไปพบแพทย์ทุกครั้ง เพื่อฉีดยาแก้ปวดเมื่อมีระดู
- มีระดู ปวดท้องน้อยมากจนเป็นลม
- มีระดู มีอาการปวดจากหลัง ไปเอวจนถึงก้นกบ ร้าวไปที่ขา
- มีระดู มีอาการปวดไปทวารหนัก
- มีอาการปวดร้าว ลงขา เมื่อมีระดู
- มีระดู มีอาการท้องอืด ท้องบวม ท้องใหญ่ขึ้น
- ถ่ายอุจจาระช่วงมีระดูจะปวดเบ่งถ่ายมากกว่าปกติ
- มีระดู จะปัสสาวะบ่อยมากกว่าปกติ
- ปวดท้องน้อยเรื้อรัง ปวดระดู ได้รับตรวจหลายครั้งไม่พบความผิดปกติ
- มีเพศสัมพันธ์กับแฟน จะเจ็บมดลูก เจ็บท้องน้อย
การวินิจฉัยและรักษาโรคทางนรีเวชด้วยการผ่าตัด
โรงพยาบาลนนทเวช พร้อมให้การรักษาโรคทางนรีเวชด้วยการวินิจฉัยที่รวดเร็ว แม่นยำ และผ่าตัดด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์และเทคนิคการผ่าตัดที่ทันสมัย ลดความเจ็บปวด และลดระยะเวลาในการพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
- ตรวจมะเร็งปากมดลูก โดยวิธี Liquid - Based Cytology
- การตรวจอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด (Vaginal Ultrasound)
- การตรวจชนิดของเชื้อไวรัส HPV ที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก
- การส่องกล้องตรวจความผิดปกติของปากมดลูก แล้วนำเนื้อเยื่อที่ผิดปกติมาตรวจทางพยาธิวิทยา
- การตัดเนื้อปากมดลูกตรวจโดยใช้กล้องคอลปสโคปช่วย (Colposcopic Directed Biopsy )
- การจี้เย็น (Cryosurgery)
- การผ่าตัดเซลล์ที่ผิดปกติออกจากมดลูกด้วยลวดไฟฟ้า ( Loop Electrosurgical Excision Procedure
- การรักษาด้วยเคมีบำบัด (Chemotherapy )
- การผ่าตัด ( Surgery )
การวินิจฉัยและการรักษาด้วยการผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวช
- การตรวจอัลตราซาวด์ทางช่องคลอด เพื่อสืบค้นรอยโรคที่ซ่อนเร้น และสามารถค้นหาเนื้องอกมดลูก ถุงน้ำรังไข่ ช็อคโกแล็ตซีสต์ เนื้องอกรังไข่ มะเร็งรังไข่ ในระยะเริ่มแรกได้เร็วยิ่งขึ้น โอกาสในการรักษาหายจึงเพิ่มมากขึ้น
- การตรวจวินิจฉัยความผิดปกติของเซลล์ปากมดลูกในระยะเริ่มแรกด้วยการตรวจหา HPV DNA ร่วมกับการตรวจหาเซลล์ผิดปกติด้วยของเหลว (Liquid Based Cytology) สามารถตรวจพบไวรัสที่ก่อให้เกิดความผิดปกติของเซลล์บริเวณปากมดลูก ซึ่งจะช่วยค้นหาความผิดปกติของเซลล์ปากมดลูกได้ตั้งแต่ในระยะเริ่มแรกและแพทย์จะรักษาให้หายขาดได้ก่อนที่มะเร็งปากมดลูกจะเกิดขึ้น
- การส่องกล้องตรวจความผิดปกติของปากมดลูก แล้วนำเนื้อเยื่อที่ผิดปกติมาตรวจทางพยาธิวิทยา เป็นการตรวจหาความผิดปกติของเนื้อเยื่อบริเวณปากมดลูก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่สงสัยมีเซลล์เปลี่ยนแปลงหรือเป็นมะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มแรก โดยทั่วไปนิยมส่องกล้องตรวจในผู้ที่พบความผิดปกติจากการตรวจ Pap Smear หรือการตรวจด้วยวิธีพิเศษ
การดูแลรักษาสตรีวัยหมดประจำเดือน หรือ วัยทอง
เมื่ออายุมากขึ้น ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงทั้งร่างกายและจิตใจ โรงพยาบาลนนทเวชมีแพทย์พร้อมที่จะดูแลและให้คำแนะนำให้คุณสุภาพสตรีเตรียมรับกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างเข้าใจ โดยให้การบริการ อาทิ
- ให้คำแนะนำสำหรับการเตรียมตัวก่อนเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน
- ให้คำปรึกษาและรักษาในเรื่องฮอร์โมน กระดูก และอื่นๆ
- ตรวจหาความหนาแน่นของกระดูกเพื่อวิเคราะห์โรคกระดูกพรุนในวัยทอง
หนึ่งความภาคภูมิใจกับรางวัลคุณภาพ
“ โรงพยาบาลที่มีการออกแบบระบบงานเพื่อการดูแลผู้ป่วยที่มีคุณภาพโดยอาศัยพื้นฐานทางวิชาการ
มีการพัฒนาต่อเนื่องเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับการดูแลโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) ”
สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) ร่วมกับ บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด ได้ดำเนินโครงการ “บริการทางการแพทย์ที่เป็นแบบอย่างที่ดี (Good Practice)” มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการพัฒนาระบบงานคุณภาพในหน่วยบริการ ค้นหาการบริการทางการแพทย์ที่เป็นแบบอย่างที่ดี และต่อยอดองค์ความรู้ที่จะพัฒนาระบบคุณภาพของโรงพยาบาลเครือข่ายที่เข้าร่วมโครงการ รวมทั้งสนับสนุนและผลักดันโรงพยาบาลให้มีคุณภาพการรักษาที่เป็นไปตามมาตรฐานวิชาชีพอย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้การรับรองคุณภาพโรงพยาบาล HA (Hospital Accreditation) จากสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) เพื่อมุ่งสู่ความเป็นเลิศของบริการทางการแพทย์
ปัจจุบันอุบัติการณ์การเกิดโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่(Endometriosis) ในสตรีวัยเจริญพันธุ์พบประมาณร้อยละ 10-15 และอุบัติการณ์จะสูงขึ้นในสตรีที่มีอาการปวดประจำเดือน คือ ร้อยละ 71-87 กรณีสตรีที่มีบุตรยากอุบัติการณ์ของโรค คือ ร้อยละ 38 โดยอาการนำในผู้ป่วยโรค Endometriosis ที่พบบ่อย 3 อันดับแรก ได้แก่ ปวดประจำเดือน , ปวดท้องน้อย และ ประจำเดือนผิดปกติ ตามลำดับ * เมื่อประเมินคะแนนความรุนแรงของภาวะโรค(Severe score) หรือระดับความรุนแรง(Staging) ของผู้ป่วยตาม The American Fertility Society Revised Classification of Endometriosis พบว่า ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 57 คะแนน และจัดอยู่ในระยะรุนแรง(Stage 4 : Severe score>40) มากที่สุดเท่ากับ 65% การรักษาที่ดีที่สุดและสำหรับผู้ที่ต้องการมีบุตร ควรรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งวิธีที่นิยมและเป็นมาตรฐาน คือ การผ่าตัดโดยใช้กล้อง (Laparoscopic Surgery) เนื่องจากแผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก ผู้ป่วยสามารถฟื้นตัวได้เร็ว และที่สำคัญคือ มีโอกาสเกิดพังผืดภายหลังการผ่าตัดน้อยกว่าวิธีการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้อง ซึ่งถือว่ามีความสำคัญมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายที่ยังต้องการมีบุตรในอนาคต
โรงพยาบาลนนทเวช มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย คือ Narrow Band Imaging(NBI) ช่วยในการค้นหารอยโรคในขณะผ่าตัดได้ชัดเจนขึ้น ส่งผลให้เพิ่มประสิทธิผลในการรักษาโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ได้ดียิ่งขึ้น ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากการผ่าตัด Laparoscopic Surgery และ ไม่เกิดภาวะติดเชื้อในโพรงมดลูก/ในช่องท้องหลังจากทำผ่าตัด
ด้วยศักยภาพและความพร้อมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ทีมพยาบาล และทีมสหสาขาวิชาชีพ ที่ให้การดูแลรักษาตามมาตรฐานคุณภาพการรักษาระดับสากล JCI และมาตรฐานบริการทางการแพทย์ที่เป็นแบบอย่างที่ดี(Good Practice) ในการดูแลผู้ป่วยโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่(Endometriosis) รับรองโดยสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล(องค์การมหาชน)
* จากสถิติผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาด้วยโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ โรงพยาบาลนนทเวช ตั้งแต่ปี 2554-2556
ปวดประจำเดือนเรื้อรัง อันตราย! หากละเลยหรือหายารักษาเอง
ผู้หญิงส่วนใหญ่มักหนีไม่พ้นอาการปวดประจำเดือน จะปวดมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน หลายคนเลือกทานยาบรรเทาอาการปวด บางรายแม้จะทานยาแต่อาการปวดยังไม่ดีขึ้นจนส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน เช่น ปวดจนไปเรียนหรือไปทำงานไม่ได้ รวมทั้งมีอาการอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น ปวดร้าวไปหลัง ก้นกบ ต้นขา ปัสสาวะบ่อย ปวดเบ่งขณะขับถ่าย หรือเจ็บท้องน้อยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ หากละเลยอาการ ปล่อยไว้นาน และซื้อยามารับประทานเอง อาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้เลยทีเดียว
นพ.ประทีป หาญอิทธิกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการผ่าตัดผ่านกล้องทางนรีเวชและมีบุตรยาก ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลนนทเวช กล่าวว่า “ผู้หญิงที่ปวดประจำเดือนบ่อยและปวดมาก พบว่าร้อยละ 70 เป็นโรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ นอกนั้นเป็นเยื่อบุโพรงมดลูกแทรกในกล้ามเนื้อมดลูก มีพังผืด หากปล่อยไว้นานอาจลุกลามจนเกิดปัญหาในการใช้ชีวิตประจำวัน เมื่อมีอาการปวดท้องทั้งก่อนหรือขณะมีประจำเดือน ควรพบแพทย์เพื่อตรวจภายในและตรวจอัลตราซาวด์ ซึ่งเห็นผลชัดเจนกว่าการตรวจทั่วไป”
“ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อาการปวดประจำเดือนจนเป็นอันตรายร้ายแรง คือ การซื้อยารับประทานเอง โดยเฉพาะเมื่อประจำเดือนผิดปกติ มาน้อย มาไม่ปกติ และเลือกรับประทานยาสมุนไพรหรือยาสตรี ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาไม่ถูกต้อง ซึ่งยาสตรีที่วางขายอยู่ในตลาดมีส่วนประกอบของฮอร์โมนเอสโตรเจน เมื่อทานเข้าไปมาก ๆ จะกลายเป็นการเร่งเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่โตขึ้น ทำให้เกิดการเติบโตมากขึ้น แทนที่จะหายก็กลายเป็นปวดท้องยิ่งกว่าเดิม อาจร้ายแรงจนต้องรักษาด้วยการผ่าตัด และส่งผลกระทบทำให้มีบุตรยากในอนาคต เนื่องจากพังผืดไปพันรัดท่อนำไข่ ทำให้คดงอหรือตีบตัน”
การปวดประจำเดือนเรื้อรัง
“ส่วนใหญ่แล้วโรคทางนรีเวชจะแปรผันตามอายุ ถ้าอายุเพิ่มขึ้นจะพบโรคหรืออาการได้มากขึ้น ซึ่งสาเหตุของอาการปวดท้องประจำเดือนที่พบบ่อย คือ โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญขึ้นผิดที่ ในหญิงวัยเจริญพันธุ์ เกิดจากเลือดประจำเดือนส่วนหนึ่งไหลย้อนกลับไปที่ท่อนำไข่ ตกลงในอุ้งเชิงกราน และฝังตัวในที่ต่าง ๆ เช่น รังไข่ ท่อนำไข่ ลำไส้ กระเพาะปัสสาวะ เยื่อบุช่องท้อง หรือนอกช่องท้อง ซึ่งอาการปวดจะแตกต่างกันออกไปตามตำแหน่งการฝังตัว และจะเจริญเติบโตต่อไปเรื่อย ๆ ขึ้นอยู่กับฮอร์โมนเอสโตรเจน ซึ่งเปรียบเหมือนปุ๋ยสำหรับต้นไม้ ช่วงแรกจะเป็นตุ่มเล็ก ๆ เมื่อฝังตัวมากขึ้นจะเป็นพังผืดขึ้น และสะสมนานจนเกิดเป็นซีสต์ เลือดจะข้น สีเหมือนช็อกโกแลต จึงเรียกว่า "ช็อกโกแลตซีสต์” สำหรับเยื่อบุโพรงมดลูกที่แทรกเข้าไปในกล้ามเนื้อมดลูก จะทำให้กล้ามเนื้อมดลูกหนาและมดลูกโต เกิดอาการปวดประจำเดือนอย่างรุนแรง ประจำเดือนมามาก ปวดปัสสาวะบ่อย ปวดร้าวไปหลังหรือเอวได้”
รู้เร็ว รักษาได้ หายไว ฟื้นตัวเร็ว!
“อาการปวดประจำเดือนเรื้อรัง สามารถรักษารอยโรคให้เล็กหรือมีอาการน้อยลงได้ ด้วยยาหรือรักษาโดยการผ่าตัด จะทำการตัดเลาะและจี้ทำลายส่วนที่เป็นโรคออกไป ในบางรายที่มีรอยโรคมากจะผ่าตัดเลาะพังผืดและรักษาด้วยยาต่อไป ปัจจุบันนิยมใช้การผ่าตัดแบบส่องกล้องช่องท้องมากที่สุด เพราะกล้องมีกำลังขยายถึง 20 - 30 เท่า สามารถขยายจุดเล็ก ๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ให้มองเห็นทั่วช่องท้องได้อย่างชัดเจน เก็บรายละเอียดได้มากกว่า เพื่อให้สภาพภายในกลับสู่สภาวะปกติมากที่สุด ทำลายรอยโรคที่มองเห็นออกให้มากที่สุด แต่แผลผ่าตัดผ่านกล้องจะเล็กกว่า เจ็บแผลน้อย ฟื้นตัวไว อาการหลังผ่าตัดเกิดน้อยกว่า อาทิ พังผืด การบวมช้ำ ติดเชื้ออักเสบ”
ปัจจุบัน เทคโนโลยีทางการแพทย์มีการพัฒนาไปมาก การตรวจภายในไม่ใช่เรื่องน่ากลัวอีกต่อไป และสามารถรักษาโรคได้ในเวลาอันสั้น ดังนั้นเมื่อร่างกายส่งสัญญาณเตือนว่าเกิดความผิดปกติขึ้น อย่างอาการปวดท้อง จะปวดน้อยหรือมากควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจให้ชัดเจน และรักษาก่อนที่จะสายเกินไป ให้เกิดความเสียหายกับร่างกายน้อยที่สุด หรือลดโอกาสการเป็นโรคร้ายแรง