
ภาวะกระดูกพรุน ระยะแรก “ไม่มีอาการ” รู้ได้ด้วยการตรวจมวลกระดูก (Bone Mineral Density : BMD)
กระดูกพรุนภัยเงียบที่ไม่ควรมองข้าม
ภาวะกระดูกพรุน ( Osteoporosis ) คือ ภาวะที่ความหนาแน่นของเนื้อกระดูกน้อยลงจากการสะสมกระดูกน้อยเกินไปในขณะที่กำลังเจริญเติบโต หรือมีการสูญเสียมวลกระดูกอย่างมากหลังจากเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว ทำให้กระดูกเปราะบางไม่สามารถรับน้ำหนักและแตกหักตามมา
ภาวะกระดูกพรุน เกิดจากอะไร ?
ภาวะกระดูกพรุน ( Osteoporosis ) อาจเกิดมาจาก 2 ปัจจัย คือ พันธุกรรมและการดำเนินชีวิตที่มีผลต่อการเกิดภาวะกระดูกพรุนได้เร็วขึ้น โดยปกติมักพบมากในเพศหญิง แต่เพศชายสามารถพบได้ 20 เปอร์เซ็นต์ โรคนี้ส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ แต่ก็สามารถพบได้ในวัยหนุ่มสาว
อาการของโรคกระดูกพรุนเป็นอย่างไร?
ช่วงแรกจะสังเกตไม่เห็นอาการ แต่หากพบว่าส่วนสูงเริ่มลดลง มีอาการหลังค่อม ต่อมารู้สึกปวดที่กระดูกโดยปวดลึกๆ ที่กระดูก เช่น ที่กระดูกหลังขา และกระดูกจะหักง่ายเมื่อล้ม
สามารถตรวจร่างกายดูว่ากระดูกพรุนได้หรือไม่ ?
การตรวจวัดความหนาแน่นของมวลกระดูก ( Bone Mineral Density : BMD )
การตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูก (Bone Mineral Density : BMD) เป็นวิธีการตรวจความหนาแน่นมวลกระดูกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะช่วยให้ทราบว่ากระดูกมีมวลและมีความแข็งแรงอยู่ในระดับใด และมีภาวะกระดูกพรุนหรือไม่ ซึ่งการตรวจวิธีนี้จะทราบผลการตรวจอย่างรวดเร็ว แม่นยำ และมีความปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียงจากรังสีโดยใช้เครื่องมือที่อาศัยหลักการทางการเอกซเรย์เป็นหลัก เครื่องนี้จะวัดว่ากระดูกมีเนื้อหรือมวลกระดูกมากน้อยเพียงใด และนำค่าที่วัดได้มาเปรียบเทียบกับค่ามวลกระดูกมาตรฐาน ซึ่งปัจจุบันใช้ค่ามวลกระดูกของสตรีชาวญี่ปุ่นเป็นหลัก โดยการเอ็กซเรย์ธรรมดาไม่สามารถจะใช้ตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูกได้
การตรวจวัดความหนาแน่นมวลกระดูกบอกอะไรได้บ้าง ?
รู้ได้อย่างไร ? ว่าเป็นโรคกระดูกพรุน
การตรวจวัดความหนาแน่นมวลกระดูกด้วยเครื่องตรวจวัดความหนาน่นของมวลกระดูก BONE DENSITOMETER ทำงานโดยโดยใช้รังสีเอกซ์พลังงานต่ำ ซึ่งการเอ็กซเรย์ธรรมดาไม่สามารถจะใช้ตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูกได้ โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้กำหนดให้การตรวจวัดความหนาแน่นมวลกระดูกด้วยเครื่องตรวจวัดความหนาแน่นของมวลกระดูก เป็นวิธีมาตรฐานในการตรวจวินิจฉัยโรคกระดูกพรุน
บริเวณที่นิยมทำการตรวจตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก ได้แก่ กระดูกสันหลังระดับเอวและกระดูกสะโพก ใช้เวลาการตรวจเพียง 10-15 นาที ขึ้นกับบริเวณที่ทำการตรวจ ให้ผลเป็นค่าความหนาแน่นของมวลกระดูกเทียบกับค่ามวลกระดูกมาตรฐาน (T-score) โดยนำค่าความหนาแน่นมวลกระดูกที่ได้ (ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน หรือ Standard Deviation หรือ T score ) ซึ่งจะใช้เป็นค่าในการวินิจฉัยโรคว่าเป็นภาวะกระดูกพรุนได้หรือไม่
ค่า T score มากกว่า -1 = ความหนาแน่นกระดูกแบบปกติ (Normal Bone)
ค่า T score ที่อยู่ต่ำกว่า -1 แต่สูงกว่า -2.5 = กระดูกบาง (Osteopenia)
ค่า T score ต่ำกว่า -2.5 = โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)
ใครบ้างเสี่ยงภาวะกระดูกพรุน / ควรตรวจววัดความหนาแน่นมวลกระดูก ?
ผู้หญิงที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป / ผู้ชายอายุ 60 ปีขึ้นไป
ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
ผู้หญิงที่เคยได้รับการผ่าตัดรังไข่ออกทั้ง 2 ข้างก่อนหมดประจำเดือน
เคยมีประวัติกระดูกหัก
ปวดหลัง ปวดเอว และปวดคอเรื้อรัง
ครอบครัวมีประวัติเป็นโรคกระดูกพรุน
วิธีเตรียมตัวก่อนการตรวจวัดความหนาแน่นมวลกระดูก
ก่อนเข้ารับการตรวจ
ไม่ต้องงดน้ำและอาหาร
ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนการตรวจ
- - หากตั้งครรภ์หรือสงสัยว่าตั้งครรภ์
- - กรณีที่มีโลหะฝังอยู่ในร่างกาย เช่น ใส่ข้อสะโพกเทียม หรือใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ
- - ผู้ที่เพิ่งเข้ารับการตรวจที่ต้องรับประทานสารทึบรังสี หรือสารกัมมันตรังสี
งดรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียม 24 ชั่วโมงก่อนเข้ารับการตรวจ
งดสวมใส่เครื่องประดับต่างๆ ในวันที่เข้ารับการตรวจ
ระหว่างขั้นตอนการตรวจ
ผู้ที่เข้ารับการตรวจหรือผู้ป่วยต้องนอนราบลงบนเตียงตรวจ เพื่อวัดความหนาแน่นมวลกระดูกใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที
หลังเข้ารับการตรวจ
แพทย์จะอธิบายผลในการตรวจ โดยผลที่ได้จะแสดงค่าเป็น ค่า T score และ Z score
ค่า T score จะเป็นค่าที่เปรียบเทียบมวลกระดูกของผู้เข้ารับการตรวจ กับมวลกระดูกโดยเฉลี่ยของผู้ที่มีอายุ 30 ปี
ค่า Z score จะเป็นค่าที่เปรียบเทียบมวลกระดูกของผู้เข้ารับการตรวจ กับมวลกระดูกโดยเฉลี่ยของผู้ที่มีอายุที่เท่ากัน
FAQs
ตรวจมวลกระดูกใช้เวลาเท่าไร ?
ใช้เวลาการตรวจเพียง 10-15 นาที ขึ้นกับบริเวณที่ทำการตรวจ
ตรวจมวลกระดูกมีกี่แบบ ?
โดยทั่วไปแพทย์จะตรวจกระดูกที่มีโอกาสหักได้ง่ายจากโรคกระดูกพรุนใน 3 ตำแหน่ง ได้แก่ กระดูกสะโพก (Hip), กระดูกสันหลังส่วนเอว (Lumbar spine) และกระดูกแขนส่วนปลาย (Forearm) โดยเฉพาะกระดูกสะโพกและกระดูกสันหลังส่วนเอวที่นิยมตรวจกันมากที่สุด
มวลกระดูกควรมีกี่% ?
ค่า T score มากกว่า -1 = ความหนาแน่นกระดูกแบบปกติ (Normal Bone)
ค่า T score ที่อยู่ต่ำกว่า -1 แต่สูงกว่า -2.5 = กระดูกบาง (Osteopenia)
ค่า T score ต่ำกว่า -2.5 = โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis)
การตรวจมวลกระดูกเจ็บไหม ?
การตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูก (Bone Mineral Density : BMD) เป็นวิธีการตรวจความหนาแน่นมวลกระดูกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะช่วยให้ทราบว่ากระดูกมีมวลและมีความแข็งแรงอยู่ในระดับใด และมีภาวะกระดูกพรุนหรือไม่ ซึ่งการตรวจวิธีนี้จะทราบผลการตรวจอย่างรวดเร็ว แม่นยำ ไม่เจ็บ และมีความปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียงจากรังสี
อ้างอิง :
บทความ เรื่อง โรคกระดูกพรุน
https://www.nonthavej.co.th/Osteoporosis.php
บทความ เรื่อง ดูแลตัวเองอย่างไรห่างไกลโรคกระดูกพรุน
https://www.nonthavej.co.th/How-to-take-care-osteoporosis.php
นพ.ชัชวาล ปิยะวรรณสุทธิ์
ศัลยแพทย์ออร์โธปิดิกส์ เฉพาะทางศัลยกรรมกระดูกสันหลัง
ศูนย์กระดูกและข้อ