9 ข้อควรรู้ ก่อนดริปวิตามิน

9 ข้อควรรู้ ก่อนดริปวิตามิน

   ปัจจุบันคนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น นอกจากการออกกำลังกายและรับประทานอาหารครบ 5 หมู่แล้ว ยังคงเน้นความสะดวกและรวดเร็วมากขึ้นด้วย เพราะไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ที่ใช้ชีวิตเร่งรีบ ไม่มีเวลาดูแลตนเองมากนัก หลายคนจึงเลือกทั้งในรูปแบบรับประทานวิตามินหรือดริปวิตามินเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงจากภายในสู่ภายนอก แล้วแบบไหนให้ผลลัพธ์ดีกว่ากัน…เรามีคำตอบ
  • 1. IV Drip คืออะไร?

“IV Drip” หรือดริปวิตามิน คือการให้วิตามิน แร่ธาตุ และสารน้ำ เข้าทางหลอดเลือดดำผ่านทางสายน้ำเกลือที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้รวดเร็วกว่าและมีประสิทธิภาพกว่าการรับประทาน เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยของคนที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ไม่ชอบทานวิตามิน และต้องการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็ว

  • 2. IV DRIP เหมาะกับใคร?

จริงๆ แล้วร่างกายต้องการวิตามินเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงกันทุกคน ดังนั้นการดริปวิตามินจึงเหมาะกับทุกเพศทุกวัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ทำงานหนัก ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง พักผ่อนน้อย เดินทางบ่อย หรือขาดความกระปรี้กระเปร่า ไม่มีชีวิตชีวาในการทำงาน

  • 3. IV Drip อันตรายหรือไม่?

วิตามินเป็นสิ่งที่ร่างกายเราต้องการอยู่แล้ว การขาดวิตามินจะทำให้ระบบในร่างกายทำงานผิดปกติและเกิดโรคต่างๆ ดังนั้น การได้รับวิตามินจะเป็นการส่งเสริมและป้องกันการเกิดโรคมากกว่า

   ศูนย์สร้างเสริมสุขภาพ โรงพยาบาลนนทเวช ให้บริการดริปวิตามินหลากหลายสูตร สามารถปรับให้ตรงกับความต้องการและปัญหาของแต่ละบุคคล วิตามินที่ใช้จะมีแหล่งที่มาชัดเจน ผสมโดยเภสัชกรของโรงพยาบาล และยังมีทีมดูแล ติดตาม และประเมินสัญญาณชีพตลอดการรับบริการภายใต้คุณภาพตามมาตรฐานของโรงพยาบาล

  • 4. ดริปวิตามิน VS กินวิตามิน แบบไหนดีกว่ากัน?

การดริปวิตามิน ร่างกายสามารถดูดซึมได้อย่างรวดเร็วและนำไปใช้ได้ทันที จึงเห็นผลลัพธ์ที่ดีได้ไวกว่าการทานวิตามินที่ร่างกายจะต้องผ่านระบบทางเดินอาหาร กระบวนการย่อย การดูดซึม ทำให้อาจได้รับวิตามินไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ทั้งนี้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าสามารถดูดซึมได้มากน้องเพียงใด

  • 5. IV Drip แต่ละสูตรช่วยอะไรบ้าง?

วิตามินสูตรเฉพาะของโรงพยาบาลนนทเวช มีให้เลือกทั้งช่วยปรับผิวให้ดูกระจ่างใส ฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาสดชื่น และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ซึ่งแต่ละสูตรช่วยเรื่องต่างๆ ดังนี้

Myer’s Cocktail หรือ Energy Booster วิตามินสูตรนี้จะเหมาะกับผู้ที่ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ไม่มีเวลาเพียงพอ และต้องการให้ร่างกายกลับมาสดชื่น แข็งแรง พร้อมเผชิญหน้ากับการทำงานในปัจจุบัน

Aura & Shine สูตรนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลในเรื่องของผิวพรรณ ต้องการให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นขึ้น หรือต้องการเรื่องของความกระจ่างใสของผิว

Immune Booster สูตรนี้จะเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมภูมิคุ้มกัน ผู้ที่เป็นหวัดบ่อย ผู้ที่เป็นภูมิแพ้บ่อย หรือว่าเดินทางบ่อย นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ

  • 6. ดริปวิตามินกี่ครั้งถึงจะเห็นผล?

การดริปวิตามินจะเห็นผลลัพธ์มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน เช่น ถ้ามีปัญหาเรื่องของผิวพรรณ ต้องการความขาวใสกระจ่างใส ช่วงแรกก็จะแนะนำให้ดริปทุก 1 – 2 สัปดาห์ เป็นระยะเวลาประมาณ 4 – 6 ครั้ง และหลังจากนั้นเราก็จะปรับตามปัญหาของแต่ละคนอีกครั้ง

สามารถดริปวิตามินได้ประมาณสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งควรอยู่ภายใต้คำแนะนำและการดูแลจากแพทย์ผู้ชำนาญการ โดยทั่วไปจะเริ่มรู้สึกสดชื่นขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ดริป และผิวจะดูเรียบเนียน มีออร่าขึ้นหากดริปเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง 3 - 5 ครั้งขึ้นไปขึ้นอยู่กับการตอบสนองของแต่ละคน และสารอนุมูลอิสระเดิมในร่างกายที่แตกต่างกัน

  • 7. IV Drip มีขั้นตอนอย่างไร?

ก่อนการดริปวิตามิน ผู้เข้ารับบริการจะได้รับการชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดัน ชีพจร อุณหภูมิ และอัตราการหายใจ และเข้าพบแพทย์เพื่อซักประวัติการเจ็บป่วย ประวัติการแพ้ยา ตรวจร่างกายเบื้องต้น และพูดคุยถึงปัญหาสุขภาพที่กังวลเพื่อเลือกสูตรวิตามินให้เหมาะกับแต่ละคน

  • 8. ดูแลตัวเองอย่างไร? หลัง IV Drip
  • ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายสามารถนำวิตามินไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดที่ร้อนจัด
  • งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1-2 วัน
 
  • 9. ข้อควรระวังการดริปวิตามิน? 
ถึงแม้ว่าการดริปวิตามินจะไม่มีสารตกค้างหรือเป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ยังมีข้อควรระวังในคนบางกลุ่มหรือโรคประจำตัวบางอย่างที่ควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อปรึกษาและได้รับคำแนะนำก่อนดริปวิตามิน ดังนี้
  • หญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร 
  • ผู้ป่วยภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD 
  • มีภาวะไตเสื่อมหรือไตวาย 
  • รู้สึกไม่สบาย มีไข้ หรือมีแผลบริเวณข้อพับ
“IV Drip” การดริปวิตามินจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือก ช่วยให้ร่างกายดูดซึมวิตามินและนำไปใช้ได้ทันที
โดยไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เหมือนเป็นทางลัดของการมีสุขภาพดีที่เหมาะกับคนไม่มีเวลา
ซึ่งนอกจากช่วยในเรื่องของผิวพรรณแล้ว ยังช่วยป้องกันและชะลอโรคได้อีกด้วย

 

ขอบคุณข้อมูล

พญ.ภาสิตาดล ม่วงน้อย
แพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ
ศูนย์สร้างเสริมสุขภาพ (Wellness Center)